เมนู

5. จูฬราหุโลวาทสูตร



[795] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้:-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อาราม
ของอนาถบิณฑิกเศรษฐีเขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงหลีกเร้นประทับอยู่ในที่รโหฐาน ได้เกิดพระปริวิตกทางพระหฤทัยขึ้นอย่าง
นี้ว่า ราหุลมีธรรมที่บ่มวิมุตติแก่กล้าแล้วแล ถ้ากระไร เราพึงแนะนำราหุล
ในธรรมที่สิ้นอาสวะยิ่งขึ้นเถิด.
[796] ต่อนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงครองสบง ทรงบาตรจีวร
เสด็จเข้าไปบิณฑบาตยังพระนครสาวัตถีในเวลาเช้า ครั้นเสด็จกลับจากบิณฑบาต
ภายหลังเวลาพระกระยาหารแล้ว ได้ตรัสกะท่านพระราหุลว่า ราหุล เธอจง
ถือผ้ารองนั่ง เราจักเข้าไปยังป่าอันธวัน เพื่อพักผ่อนกลางวันกัน ท่านพระราหุล
ทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ชอบแล้ว พระพุทธเจ้าข้า แล้วจึงถือผ้ารองนั่ง
ติดตามพระผู้มีพระภาคเจ้าไป ณ เบื้องพระปฤษฎางค์ ก็สมัยนั้นแล เทวดา
หลายพันคนได้ติดตามพระผู้มีพระภาคเจ้าไปด้วยทราบว่า วันนี้ พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าจักทรงแนะนำท่านพระราหุลในธรรมที่สิ้นอาสวะยิ่งขึ้น ครั้งนั้นแล
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าถึงป่าอันธวันแล้ว จึงประทับนั่ง ณ อาสนะที่ท่าน
พระราหุลปูลาด ณ ควงไม้แห่งหนึ่ง แม้ท่านพระราหุลก็ถวายอภิวาทพระ-
ผู้มีพระภาคเจ้า แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
[797] พอนั่งเรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสดังนี้ว่า
ราหุล เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน จักษุเที่ยงหรือไม่เที่ยง.
ร. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.

พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุข.
ร. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควร
หรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเรา นั่นอัตตาของเรา.
ร. ไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.
[798] พ. ราหุล เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน รูปเที่ยงหรือ
ไม่เที่ยง.
ร. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุข.
ร. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปร ปรวนเป็นธรรมดา ควร
หรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเรา นั่นอัตตาของเรา.
ร. ไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.
[799] พ. ราหุล เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน จักษุวิญญาณ
เที่ยงหรือไม่เที่ยง.
ร. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
พ. สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้น เป็นทุกข์หรือเป็นสุข.
ร. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควร
หรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเรา นั่นอัตตาของเรา.
ร. ไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.
[800] พ. ราหุล เธอจะสำคัญความข้อนั้น เป็นไฉน จักษุสัมผัส
เที่ยงหรือไม่เที่ยง.

ร. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
พ. สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้น เป็นทุกข์หรือเป็นสุข.
ร. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือ
ที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเรา นั่นอัตตาของเรา.
ร. ไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.

ว่าด้วยเวทนาเป็นต้น


[801] พ. ราหุล เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เวทนา
สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัยแม้นั้น เที่ยง
หรือไม่เที่ยง.
ร. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้น เป็นทุกข์หรือเป็นสุข.
ร. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
พ. ก็สิ่งใดไม่เทียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควร
หรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเรา นั่นอัตตาของเรา.
ร. ไม่ควรเลย พระพุทธเจ้า.
[802] พ. ราหุล เธอจะสำคัญความข้อนั้น เป็นไฉน โสตเที่ยง
หรือไม่เที่ยง.
ร. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า ฯลฯ
พ. ราหุล เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ฆานะเที่ยงหรือไม่เที่ยง.
ร. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
พ. ราหุล เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ชิวหาเที่ยงหรือไม่เที่ยง.